การที่ได้ชื่อว่าฟ้าทะลายหรือฟ้าสะท้าน
มีผู้วิเคราะห์ว่า อาจเป็นเพราะทุกส่วนของฟ้าทะลายโจรไม่ว่าจะเป็น เมล็ด ใบ ดอก
กิ่ง ผล ต้น ราก ต่างให้รสขมที่ชาวอินเดียเรียกว่า มหาติตติกะ ซึ่งแปลว่า
เจ้าแห่งรสขม หรือ king of bitters
สารที่ทำให้ฟ้าทะลายโจรขมมาก จนได้สมญานามว่าเจ้าแห่งความขม คือ แอนโดรกราโฟไลด์ (andogra-pholide) เพราะขมถึงขนาดที่ว่าบางคนได้ยินเสียงลั่นดังเปรี๊ยะในหูเหมือนฟ้าถล่มทลาย
จึงเป็นที่มาของชื่อ ฟ้าทะลายโจร
ฟ้าทะลายโจรเจริญทั่วไปในดินทุกชนิด
พบขั้นอยู่ในทั้งป่าดงดิบและริมถนน ขนาดสูงประมาณเข่า ดอกสีขาว โคลนกลีบดอกติดกัน
ที่ปลายยอดดอกมีสีม่วง ผลเป็นฝักเขียว แก่จัดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแตก เป็นสองซีก
ภายในมีเมล็ดรูปร่างสี่เหลี่ยมสีเหลืองน้ำตาลหลายเมล็ด ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
ปลูกได้ทุกฤดูกาล
หลังปลูก3-4 เดือน ก็เก็บใบและลำต้นเหนือดินมาใช้เป็นยาได้ช่วงเวลาที่เก็บทำยา
ควรเป็นช่วงที่เริ่มออกดอก ซึ่งเป็นช่วงที่รสขมจัด
ฟ้าทะลายโจรมิได้เป็นเฉพาะสมุนไพรของไทยเท่านั้น
หากกระจายอยู่ทั่วทวีปเอเชีย ชาวอินเดียเรียก Kalmegh จีนเรียก Chuan Xin Lian มาเลเซียเรียก Hempudu
Bumi และยังพบในทวีปอเมริกาด้วย
แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าเป้นการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติหรือมีผู้นำเข้าไปปลูก
อ้างอิง:สุดยอดสมุนไพรเพื่อสุขภาพ;โดยเภสัชกรสรจักร ศิริบริรักษ์;จัดพิมพ์โดยบริษัทซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด(มหาชน):พิมพ์ที่บริษัทพิมพ์ดีจำกัด กรุงเทพฯ 10160
อ้างอิง:สุดยอดสมุนไพรเพื่อสุขภาพ;โดยเภสัชกรสรจักร ศิริบริรักษ์;จัดพิมพ์โดยบริษัทซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด(มหาชน):พิมพ์ที่บริษัทพิมพ์ดีจำกัด กรุงเทพฯ 10160
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น